หน้าแรก สังคม ที่แท้เป็นตำรวจจริง เมากร่าง ตบหัวกู้ภัย หลังเบนซ์ป้ายแดงชนหญิง เรียกสอบแล้ว

ที่แท้เป็นตำรวจจริง เมากร่าง ตบหัวกู้ภัย หลังเบนซ์ป้ายแดงชนหญิง เรียกสอบแล้ว

509
แชร์ข่าวนี้

ที่แท้เป็นตำรวจจริง เมากร่าง ตบหัวกู้ภัย หลังเบนซ์ป้ายแดงชนหญิง เรียกสอบแล้ว หากผิดจริง ดำเนินคดีอาญา ยันผิดว่าไปตามผิด ไม่มีการช่วยเหลือ

ตบหัวกู้ภัย / เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว อ้างเป็นตร.ขับรถเบนซ์ป้ายแดงชนผู้หญิง และกล่าวหาว่าโดดใส่รถเพื่อหวังทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.เสม็ด จว.ชลบุรี ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เสม็ด ว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ได้รับแจ้งว่ามีเหตุ รถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับความเสียหาย บริเวณ ซ.โรงเรียนบูรพาฝั่งมุ่งหน้าหมู่บ้านกระโดน หมู่ที่ 1 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยมีผู้โดยสารรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ตรวจสอบพบว่ามีคู่กรณีฝ่ายที่ 1.รถจักรยานยนต์พ่วงข้างยี่ห้อฮอนด้าสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 1กง-7229 จ.ตาก พบผู้โดยสารทราบชื่อ นางสุภาพ มูลหลวง ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงประสานนำตัวส่งโรงพยาบาล คู่กรณีฝ่ายที่ 2. รถยนต์ ยี่ห้อ เมอร์เซเดสเบนซ์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ส-6420 กทม. ผู้ขับขี่คือนายสมชาติ นิพัทธ์วรนันท์

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ นางสุภาพ นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างคันเกิดเหตุ ทันใดนั้นได้มีคู่กรณี คือนายสมชาติ ขับรถยนต์ตามหลังมา และพยายามขับแซงขึ้นด้านหน้าจึงเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างได้รับความเสียหาย นางสุภาพผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

พนักงานสอบสวน จึงถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ นำรถคู่กรณีที่เกิดเหตุไปเก็บรักษา และเรียกผู้ขับขี่ดังกล่าวมาลงบันทึกประจำวัน และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตาม พรบ.จราจรทางบกฯ ในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจฯ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ต่อมามีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าวพร้อมคลิปในบางช่วงว่า มีชายเสื้อขาวที่อ้างตัวเป็นตำรวจอยู่ในลักษณะมึนเมาได้โวยวาย และตบศีรษะเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบชายดังกล่าวพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวนั่งมากับนายสมชาติด้วย ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนประสานไปยังเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยฯรายดังกล่าว เพื่อมาสอบปากคำ และสืบหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

โดยจะประสานทั้งนายสมชาติ ผู้ขับขี่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว มาเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยหากตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวกระทำผิดจริง ก็จะดำเนินการทางอาญา และมีการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมไปยังต้นสังกัด เพื่อให้ดำเนินการในทางวินัยต่อไป

รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า คงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง หากตรวจแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายตามที่ปรากฎในข่าวจริง และมีการกระทำความผิด ก็จะมีบทลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาตามขั้นตอนที่เกี่ยวต่อไป ซึ่งก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีการให้ความช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี

ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนด อย่างเคร่งครัด ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้างอยู่แล้ว หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด

อีกทั้ง ผบ.ตร. มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด


แชร์ข่าวนี้