หน้าแรก การเมือง “อภิสิทธิ์” หวังนายกฯใช้โอกาสปรับครมสร้างเชื่อมั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด ติงแก้รธน.รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจมากกว่านี้ เชื่อคุมม็อบได้

“อภิสิทธิ์” หวังนายกฯใช้โอกาสปรับครมสร้างเชื่อมั่นฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด ติงแก้รธน.รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจมากกว่านี้ เชื่อคุมม็อบได้

611
แชร์ข่าวนี้

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่หรือ ครม. ว่าเมื่อมีความจำเป็นต้องปรับในช่วงนี้ก็อยากจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ใช้เป็นโอกาสในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น ความชัดเจนในแง่ของทิศทาง และความเป็นเอกภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงที่จะต้องกำหนดแนวทางว่าการฉีดวัคซีนกับการผ่อนคลาย และการเปิดประเทศเพื่อที่จะฟื้นเศรษฐกิจจะมีแนวทางอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าหากว่านายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความมั่นใจโดยการปรับครม. ให้เห็นว่ามีผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะมาขับเคลื่อนประเด็นหลัก และมีทิศทางตรงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะเป็นโอกาสในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาซึ่งมีความจำเป็นในขณะนี้

ทั้งนี้เมื่อถามว่าการชุมนุมจะกระทบกับรัฐบาลแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าปัญหาการชุมนุมจะกระทบรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน เพราะเข้าใจว่ารัฐบาลก็มีความเชื่อว่าจะสามารถควบคุมดูแล และใช้กฎหมายได้ แต่ว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือต้องยอมรับว่ายังมีคนจำนวนมากที่เห็นว่าประเด็นข้อเรียกร้องต่างๆของผู้ชุมนุมยังไม่ได้มีการตอบสนองอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นมองว่าถ้ารัฐบาลจะหาทางพยายามในการแสดงให้เห็นว่าข้อเรียกร้องต่างๆ ทางรัฐบาลมีแนวทางในการบริหารจัดการหรือจะให้มีการแลกเปลี่ยนอย่างมีเหตุมีผลอย่างไร ก็จะช่วยลดความตึงเครียดได้

ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับที่ผ่านมาคนมองว่ารัฐบาลไม่ได้เต็มที่กับการผลักดันรัฐธรรมนูญให้มีการแก้ไข เพราะสังเกตได้จากการที่รัฐมนตรีบางคนลงมติไม่สนับสนุนไปจนถึง ส.ส.รัฐบาล ส่งตีความทั้งที่เป็นผู้เสนอญัตติ เพราะฉะนั้นคนยังเฝ้าจับตาดูว่า ปัญหาการตีความ การลงมติวาระ 3 จะเป็นอย่างไร รวมไปจนถึงหากผ่านวาระ 3 จะต้องมีการจัดทำประชามติ ถ้าเป็นนโยบายในการจัดทำสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญคงจะต้องมีการกระทำที่ชัดเจนกว่านี้ว่าจะสนับสนุน ผลักดันให้เกิดกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญตามที่มีการเสนอเข้าสู่สภาให้ได้

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้