ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า ภายหลังจากที่ภาครัฐเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการจำกัดกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆไปในระดับหนึ่งแล้ว สะท้อนจากการประชุม ศบค. ช่วงท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้อนุมัติการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆเพิ่ม เช่น
1. เห็นชอบแผนขยายพื้นที่รับนักท่องเที่ยวโดยไม่กักตัว (พื้นที่สีฟ้า) 15 จังหวัด ในวันที่ 1 พ.ย. 2564
2. ปรับลดเวลา Curfew ในพื้นที่สีแดงเป็นเวลา 23.00-03.00 จากเดิม 22.00-04.00 ตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป
3. ปรับเวลาปิดทำการร้านอาหาร-ห้างสรรพสินค้า-โรงภาพยนตร์ เป็นไม่เกิน 22.00 จากเดิม 21.00 ตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป
4. ระบบขนส่งสาธารณะบรรจุได้ครบ 100% จากเดิม 75% ตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.2564 เป็นต้นไป
แม้ว่าการผ่อนคลายต่างๆข้างต้นจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง แต่อาจยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจกลับเข้าใกล้เคียงกับภาวะปกติ ส่งผลให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2564 ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายวิจัย เชื่อว่าภาครัฐจะเดินหน้าพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างเพิ่มเติมอีกในช่วงปลายปี
สอดคล้องกับท่าทีล่าสุดของรัฐที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่เช่นกัน โดยมีรายงานว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 12 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งว่า “เป็นโครงการที่ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี” ส่งผลให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าโครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” จะมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตได้
ดังนั้น ความคาดหวังของการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ยังประเป็นที่ต้องติดตามต่อไป โดยให้น้ำหนักการประชุม ครม. ในวันที่ 19 ต.ค. 2564 นี้ และ ฝ่ายวิจัย คาดว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น โครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการและโครงการช้อปดีมีคืน น่าจะอยู่ในการพิจารณาของรัฐ นอกเหนือไปจากโครงการคนละครึ่งด้วยเช่นกัน
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews
