หน้าแรก เศรษฐกิจ บอร์ดบีโอไอไฟเขียว 4 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุนกว่า 3 หมื่นล้าน ชูแพ็กเกจใหม่

บอร์ดบีโอไอไฟเขียว 4 โครงการใหญ่ มูลค่าลงทุนกว่า 3 หมื่นล้าน ชูแพ็กเกจใหม่

367
แชร์ข่าวนี้

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่าที่ประชุมเห็นชอบให้การส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ 4 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 30,170 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.กิจการผลิตเอทานอล เงินลงทุน 7,800 ล้านบาท ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีรูปแบบการผลิตที่รองรับนโยบายรัฐบาลเรื่องอุตสาหกรรมฐานชีวภาพ (ไบโอ อีโคโนมิ) โดยนำผลิตผลทางการเกษตร ได้แก่ อ้อยมาผลิตเป็นเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงความเข้มข้น 99.5% ปีละประมาณ 237,600,000 ลิตร และผลิตไฟฟ้าจากไอน้ำที่ได้จากเชื้อเพลิงชีวมวลขนาด 85 เมกะวัตต์

2.กิจการผลิตยางเรเดียล ยางตีนตะขาบ และยางในรถจักรยานยนต์ เงินลงทุน 7,478 ล้านบาท ตั้งโครงการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ระยอง จังหวัดระยอง วัตถุดิบหลัก ได้แก่ ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ โดยจะใช้ยางธรรมชาติในประเทศ ประมาณ 72,000 ตัน/ปี 3.กิจการผลิตยางเรเดียลสำหรับรถยนต์ เงินลงทุน 11,018 ล้านบาท ตั้งโครงการในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยจะใช้ยางธรรมชาติในประเทศประมาณ 17,006.5 ตัน/ปี

4.กิจการสกัดโลหะ เช่น ทองแดง นิกเกิ้ล สังกะสี ดีบุก เงิน ทอง และแพลเลเดียม เป็นต้น จากแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ไม่ใช้แล้ว และเศษทองแดงเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เงินลงทุน 3,874 ล้านบาท ตั้งโครงการในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี กำลังการผลิต ปีละประมาณ 148,000 ตัน

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนใน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพิ่มกิจการเป้าหมายและสิทธิภาษีเงินได้นิติบุคคล หากมีการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใน 3 จังหวัดอีอีซี หรือเข้าไปตั้งกิจการในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ หรือนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม ได้แก่ 1.กิจการในกลุ่มที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปีตามสิทธิพื้นฐานเกือบทุกประเภท (กลุ่ม A1, A2, A3) ยกเว้นกิจการบางกลุ่ม เช่น กิจการที่ไม่มีที่ตั้งสถานประกอบการชัดเจน กิจการที่มีเงื่อนไขบังคับเรื่องที่ตั้งสถานประกอบการซึ่งไม่อยู่ใน 3 จังหวัด อีอีซี เป็นต้น

2.กิจการในกลุ่มการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ได้แก่ ไบโอเทค นาโนเทค วัสดุขั้นสูง และดิจิตอล และกลุ่มที่สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย เช่น กิจการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ กิจการวิจัยและพัฒนา กิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

สำหรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้มีการกำหนดเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมใน 2 ทางเลือก ได้แก่ เกณฑ์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเกณฑ์ที่ตั้ง โดยสามารถเลือกดำเนินการทั้งสองเกณฑ์ควบคู่กันเพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสูงสุด หรือเลือกเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งก็ได้ ได้แก่ 1. เกณฑ์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กรณีมีการพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามรูปแบบที่กำหนด เช่น โครงการ Work-integrated Learning (WiL) สหกิจศึกษาและทวิภาคี หรือรูปแบบที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเห็นชอบ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมใน 2 ลักษณะแตกต่างกันตามกลุ่มประเภทกิจการ คือ

กิจการในกลุ่ม A1, A2, A3 จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติม 3 ปี และกิจการในกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายและกิจการสนับสนุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่มเติม 2 ปี

ส่วนเกณฑ์ที่ตั้งในกรณีตั้งโครงการในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ ได้แก่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจ ภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (อีอีซีดี) เมืองการบินภาคตะวันออก (อีอีซีเอ) และศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา (อีอีซีเอ็มดี) จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม คือ 1.กิจการในกลุ่ม A1, A2, A3 จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติม 2 ปี

2.กิจการในกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายและกิจการสนับสนุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล เพิ่มเติม 1 ปี นอกจากนี้ กรณีตั้งในนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 1 ปีด้วย มีผลบังคับใช้สำหรับคำขอรับการส่งเสริมที่ยื่นตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.2563 จนถึงสิ้นปี 2564 ยกเว้นโครงการที่จะตั้งในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ 4 แห่ง (อีอีซีไอ อีอีซีดี อีอีซีเอ และอีอีซีเอ็มดี) สามารถยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการนี้ได้โดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการยื่นคำขอ

น.ส.ดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่าเตรียมพิจารณาแพคเกจส่งเสริมเอสเอ็มอี สำหรับมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมการขนาดกลางและขนาดย่อม จะมีการพิจารณาร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้ครอบคลุมทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการอย่างครบวงจรมากขึ้น ส่วนมาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอีปัจจุบัน ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาของมาตรการออกไปถึงสิ้นเดือนก.พ.2563


แชร์ข่าวนี้