นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย นำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ยื่นหนังสือถึง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. โดยมีนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงานมาเป็นตัวแทนรับหนังสือ
ทั้งนี้ นายมนัส กล่าวว่า ไม่ขัดมติกบง.ที่ให้ส่วนผสม ของดีเซล เหลือสูตรเดียว คือ บี 7 เป็นเวลา 4 เดือนนับจากวันนี้ (1 ธ.ค.64 ถึง 31 มี.ค.65) โดยจะไม่มีการเคลื่อนไหวคัดค้าน และจะไม่เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่หลังจากครบ 4 เดือนจะต้องกลับไปใช้ 3 สูตรทั้ง บี7, บี10 และบี20 เช่นเดิม หากกบง.มีมติเป็นอย่างอื่น โดยไม่เรียกชาวสวนปาล์มมาหารือก่อน ก็จะเคลื่อนไหวทั้งประเทศแน่นอน เนื่องจากได้รับกระแสข่าวว่ามีความพยายามจะปรับลดเหลือแค่ บี3 ทั้งนี้การปรับลดใช้เพียง บี7 ทำให้ยอดใช้ผลน้ำมันปาล์มดิบ หรือ ซีพีโอ ลดลง 17,000 ตันต่อเดือน กระทบต่อความต้องการผลปาล์มดิบเพื่อทำน้ำมันรถยนต์ลดลงกว่า 3.7 แสนตันปาล์มทลาย เมื่อคูณราคาปาล์มเฉลี่ยกิโลกรัมละ 6 บาท ทำให้ภาคเกษตรเสียเงินราว 2 .2 พันล้านบาท ขณะที่การลดเหลือ บี7 รัฐได้ภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น 77 ล้าน และลดการใช้เงินกองทุนน้ำมัน 106 ล้านบาท รวมแล้ว 183 ล้านบาท เทียบไม่ได้กับเงินที่สูญเสียไป
ขณะเดียวกันขอเรียกร้องกระทรวงพลังงานทำความเข้าใจกับกลุ่มรถบรรทุกให้เข้าใจเกษตรกรด้วยว่า ที่ผ่านมา เกษตรกรขาดทุนมาโดยตลอด แบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เช่น ค่าปุ๋ยที่สูงขึ้นถึง 125% และประเด็นสำคัญของโครงสร้างราคาน้ำมันที่ทำให้ราคาขายปลีกกลุ่มดีเซลสูง คือ ระบบการจัดเก็บภาษีต่างๆของภาครัฐที่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่ที่ปาล์มน้ำมัน
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews
