หน้าแรก เทคโนโลยี Starlink ปล่อยฟีเจอร์การพกพาให้รถแคมปิงมีเน็ตแรงไว้ใช้งาน

Starlink ปล่อยฟีเจอร์การพกพาให้รถแคมปิงมีเน็ตแรงไว้ใช้งาน

232
แชร์ข่าวนี้

สตาร์ลิงก์ (StarLink) บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงความหน่วงแฝงต่ำผ่านเครือข่ายดาวเทียมในวงโคจรต่ำสำหรับผู้คนในชนบทและพื้นที่ห่างไกล เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมัน แหล่งสำรวจแร่และพลังงานธรรมชาติ รวมถึงนักเดินทางด้วยรถแคมปิ้ง ล่าสุดได้เปิดฟีเจอร์ใหม่ Portability หรือการพกพา จากที่เคยให้เจ้าของใช้เน็ตอยู่กับที่ ตอนนี้สามารถพกพาจานรับสัญญาณไปใช้ที่ไหนก็ได้ในทวีปที่บ้านคุณตั้งอยู่ แม้เน็ตมือถือ 5G ไปไม่ถึงก็ยังสามารถทำงานหรือทำกิจกกรมผ่านออนไลน์ได้

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า ‘Dave Lee’ เผยว่ากำลังตั้งแคมป์ที่สวนสาธารณะที่อยู่ห่างไกลโดยไม่มีสัญญาณมือถือและฮอตสปอตอินเทอร์เน็ต จึงได้ติดตั้งสตาร์ลิงก์ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่วิเศษ พร้อมกับโพสต์ภาพรถแคมปิ้งและหน้าจอแสดงความเร็วของเน็ต จากนั้น อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ได้เข้ามาตอบทวีตว่า “สตาร์ลิงก์นั้นยอดเยี่ยมมากสำหรับรถแคมปิ้ง (RV) การตั้งแคมป์หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่อยู่นอกเมือง”

ตอนนี้บริการสตาร์ลิงก์ยังไม่สนับสนุนการใช้งานในขณะที่รถเคลื่อนที่ แต่เดือนมีนาคมมัสก์เผยว่าได้อัปเดตซอฟต์แวร์ช่วยให้จานรับสัญญาณสตาร์ลิงก์ใช้พลังงานน้อยลงโดยสามารถเสียบใช้ไฟฟ้าจากเครื่องจุดบุหรี่ในรถยนต์ที่ 12 V. ได้ นอกจากนี้ได้เปิดใช้โรมมิ่งเคลื่อนที่ไปในสถานที่ต่าง ๆ (อยู่นอกพื้นที่เครือข่ายเดิมที่ใช้อยู่ที่บ้าน) ซึ่งเสาอากาศแบบแบ่งเฟสจะสามารถรักษาสัญญาณขณะอยู่บนรถที่กำลังเคลื่อนที่ได้ ทั้งนี้เป็นการเปิดใช้สำหรับยูเครนที่กำลังเกิดสงคราม

บล็อก ‘Jeff Geerling‘ ได้นำเสนอการทดสอบใช้งานฟีเจอร์การพกพาของสตาร์ลิงก์โดยการเคลื่อนที่ไปนอกพื้นที่ เผยว่าหลังการอัปเดตซอฟต์แวร์ได้ใช้พลังงานลดลงเหลือ 60 – 70 วัตต์ จากที่เคยใช้ 80 – 100 วัตต์ เมื่อปีที่แล้ว

ลูกค้าที่ใช้บริการสตาร์ลิงก์อยู่แล้วสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การพกพาจากหน้าบัญชีโดยเลือกซื้อการพกพาสำหรับในแต่ละสถานที่ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเดือนละ 25 เหรียญ (858 บาท) และจ่ายค่าบริการรายเดือนตามปกติ 110 เหรียญ (3,678 บาท) ส่วนการเข้ามาเป็นลูกค้าหน้าใหม่จะต้องจ่ายค่าแรกเข้าสำหรับอุปกรณ์จานรับสัญญาณแบบจ่ายครั้งเดียว 599 เหรียญ (20,034 บาท)

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์การพกพามีความจำกัดตรงที่ไม่สามารถรับประกันถึงความเร็วและความต่อเนื่อง โดยจะจัดลำดับความสำคัญทรัพยากรของเครือข่ายให้กับผู้ใช้ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งเมื่อนำอุปกรณ์ไปใช้ในตำแหน่งใหม่แล้วอยู่ในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุดหรือมีผู้ใช้จำนวนมากก็อาจจะถูกจัดลำดับความสำคัญให้ได้รับบริการที่ประสิทธิภาพลดน้อยลง

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :ศิลา วงศ์เจริญ,มัสก์เผย,Jeff Geerling,theverge,starlink,Twitter

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้