นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในปี 2563 จะต้องเร่ง ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในภาพใหญ่ อาทิ การพัฒนาสวัสดิการของรัฐบาล การก้าวสู่โลกดิจิทัล การช่วยเหลือเอสเอ็มอี การพัฒนาฐานราก เป็นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้ ถึงแม้ปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจโลกจะมีความท้าทาย เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตตามคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ที่กำหนดไว้ว่าจะขยายตัวถึง 3% “ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกวิ่งไม่เต็มสูบ การค้าขายก็ลดลงกระทบการส่งออกของไทย ดังนั้น การกระตุ้นการบริโภคในประเทศจะเป็น ภูมิคุ้มกันที่ดีทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ โดยกระทรวงการคลังยังมีกระสุน หรือมีความพร้อมจะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้”
ทั้งนี้ ได้สั่งให้ สศค.และธนาคารกรุงไทย ร่วมกันกำหนดโครงการใหม่ๆออกมา ว่าจะทำอะไรบ้างในปีนี้ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าสินค้าประเภทไหนจะขายดีและจะได้ช่วยส่งเสริมการขาย เป็นต้น ส่วนทางด้านประชาชน รัฐบาลมีข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจากโครงการต่างๆที่รัฐบาลออกมา ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถออกแบบนโยบายเรื่องการให้สวัสดิการได้แม่นยำยิ่งขึ้น ขณะที่การดูแลฐานราก กระทรวงการคลังจะตั้งภาคีเครือข่ายขึ้นมา ซึ่งร่วมมือกับหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส) รวมถึงธนาคารกรุงไทยด้วย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศตั้งแต่ระดับชุมชน