นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในปัจจุบันกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ออก 7 มาตรการ ในการตรวจปล่อยสินค้าเศษพลาสติก ที่ได้รับโควตาการนำเข้าอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในการตรวจปล่อยเศษพลาสติกที่นำเข้าตั้งแต่ด่านศุลกากรไปถึงปลายทาง หรือโรงงานทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่ได้รับโควตานำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าเศษพลาสติกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ผู้ประกอบการแจ้ง หรือป้องกันการลักลอบไปใช้ผิดเจตนารมณ์ของ กรอ. ที่ต้องการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมส่งเสริมขีดความสามารถเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ป้องกันไม่ให้เศษพลาสติกนำเข้าไปสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม
สำหรับ 7 มาตรการ มีอาทิ เศษพลาสติกที่มีโครงสร้างทางเคมีแตกต่างกัน (ชนิดต่างกัน) ต้องแยกไม่ปะปนกัน, เศษพลาสติกต้องไม่สกปรก หรือปนเปื้อนสารอินทรีย์ จนทำให้มีสีหรือกลิ่นอันพึงรังเกียจ หรือมีกลิ่นเน่า, เศษพลาสติกต้องไม่มีเศษวัสดุอื่นเจือปน จนทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เช่น มีเศษอิฐ หิน ดิน ทราย เจือปน จนทำให้ต้อง นำไปผ่านกระบวนการคัดแยก หรือทำความสะอาดก่อนนำไปใช้ประโยชน์, ต้องสามารถระบุชนิดและประเภทของพลาสติกได้ชัดเจน, ต้องระบุรายละเอียดของพลาสติกให้ชัดเจนว่าเป็นพลาสติกชนิดใด และต้องระบุประเภทของพลาสติกตรงตามที่ปรากฏในเอกสารใบตราส่งและใบขนสินค้าด้วย เป็นต้น
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า กรณีที่มีนักวิชาการบางกลุ่มได้วิจารณ์ว่า เมื่อปี 2561-2562 ประเทศไทยนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศ 480,000 ตัน สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ทำให้ปัจจุบันสินค้าพลาสติกมีคุณภาพต่ำราคาถูก กลายเป็นขยะท่วมประเทศไทย ข้อเท็จจริงคือไทยอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะเศษพลาสติกที่สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตเป็นพลาสติกใหม่ ไม่อนุญาตให้นำเข้าที่เป็นขยะ ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าจะถูกตรวจสอบว่านำเศษพลาสติกที่นำเข้ามาเข้าสู่กระบวนการ ผลิตของโรงงานโดยตรง และมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี หากเจ้าหน้าที่ กรอ., กรมศุลกากรตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนหรือสำแดงเท็จ การลักลอบนำเข้าก็จะผลักดันกลับประเทศต้นทาง รวมถึงจัดการโรงงานที่ไม่ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต และปัจจุบันยังมีโควตานำเข้าเศษพลาสติกเพื่อเป็นวัตถุดิบที่ จะสิ้นสุดอายุในเดือน ก.ย.นี้