นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยกฎหมายนี้เป็นหนึ่งในกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 สำหรับกฎหมายฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภทให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ สังคม เหตุการณ์ กิจการ หรือสภาพแห่งท้องที่
ดังนี้ การลดภาษีในอัตรา 50% ให้แก่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของโรงผลิตไฟฟ้า เขื่อน และที่ใช้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องกับการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งบ้านและที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นห้องชุด ที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 1 ม.ค.63 โดยเฉพาะทรัพย์สินที่บุคคลดังกล่าวได้มาโดยทางมรดกก่อนวันที่ 13 มี.ค.62
ส่วนการลดภาษี 90% ครอบคลุมกรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นอสังหาริมทรัพย์รอการขายของสถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น สถาบันการเงินประชาชน และบริษัท บริหารสินทรัพย์ จำกัด มหาชน เป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของหน่วยงาน รวมทั้งที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโครงการจัดสรรเพื่ออยู่อาศัย หรืออุตสาหกรรม เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดิน และเป็นที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นอาคารชุด เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันได้รับอนุญาตก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังลดภาษีให้ 90% กับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันได้รับอนุญาตจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในกิจการโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษา และที่ดินหรือ
สิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นสถานบริการประชาชนทั่วไปเช่น ลานเล่นกีฬา สวนสัตว์ สวนสนุกที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เป็นต้น