นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โพสต์เมื่อช่วงดึกวันจันทร์ (15 พ.ค.) เรียกร้องให้พรรคการเมืองบางพรรคทำตามจุดยืนของตัวเองด้วยการยกมือให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
“พรรคที่ได้ ส.ส. ในสมัยนี้ หลายพรรค (ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์) เคยแสดงจุดยืนว่าไม่สนับสนุน รธน. ปี 60 ที่ให้อำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายก ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกท่านต้องทำตามจุดยืนของพวกท่าน โหวตสนับสนุนนายกที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งก็คือคุณพิธา ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามกติการะบอบประชาธิปไตยอยางแท้จริง ไม่ต้องรอให้ ส.ว. 250 คนต้องออกเสียง” นายเศรษฐา โพสต์
“ทำให้ท่านได้ทำหน้าที่ของพรรคและนักการเมืองได้อย่างมีความสง่า มีความภาคภูมิ พูดได้เต็มปากว่า Represent ประชาธิปไตยได้อย่างเต็มตัว ทำให้ประเทศได้ผู้นำที่พร้อมจะนำพาประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความสุขและการเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนทุกคน”
โพสต์ดังกล่าวของนายเศรษฐาพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องให้พรรคอันดับ 1 คือ พรรคก้าวไกล เป็นแกนนำ ท่ามกลางความกังวลว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะแม้ว่าเสียงของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยรวมกันเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรหรือ 250 เสียงแล้ว แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นั้น ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด คือ 375 เสียง
แต่ขณะนี้อดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านยังได้เสียงประมาณ 310 เสียงเท่านั้น จึงอาจจำเป็นต้องอาศัยเสียงของอดีตพรรคร่วมรัฐบาลมาช่วย
นายเศรษฐาเรียกร้องต่อไปให้พรรคการเมืองเหล่านี้ทำหน้าที่ด้วยการสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน มิฉะนั้นอาจทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนย่ำแย่ลงก็ได้
“ทุกสิ่งอย่างที่พรรคทำ จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในอนาคต การเพิกเฉยต่อหน้าที่เหล่านี้มีราคาแพงที่ต้องจ่ายในอนาคตครับ”
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook
