หน้าแรก การเมือง เซ็นแล้ว! ก้าวไกลนำทีม 8 พรรคร่วม ลงนาม MOU 23 ข้อ+5 แนวทาง เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล

เซ็นแล้ว! ก้าวไกลนำทีม 8 พรรคร่วม ลงนาม MOU 23 ข้อ+5 แนวทาง เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล

151
แชร์ข่าวนี้

วันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. ที่โรงแรมคอนราด มีการแถลงข่าว และลงนามใน MOU บันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่

จะต้องไม่กระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระมหากษัตริย์จะทรงดำรงอยู่ในฐานะเคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ โดยนายพิธา ได้อ่าน MOU 23 ข้อ ในการจัดตั้งรัฐบาลของทั้ง 8 พรรคการเมือง พร้อมบวกแนวทางการปฎิบัติอีก 5 ข้อ 

  1. ฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
  2. ยืนยันและผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อรับประกันสิทธิสมรสสำหรับคู่รักทุกเพศ โดยจะไม่บังคับประชาชนที่เห็นว่าขัดแย้งกับหลักการของศาสนาที่ตนเองนับถือ
  3. ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย โดยยึดหลักความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
  4. เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารยามศึกสงคราม
  5. ร่วมผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงทบทวนภารกิจของหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง
  6. ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ เพื่อให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริต
  7. แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน
  8. ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม
  9. ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราว ซึ่งการอนุมัติ อนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคเพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้กับ SME พร้อมกับมุ่งเน้นการเติบโต GDP ของ SME สนับสนุนอุตสาหกรรม และสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
  10. ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพรรคประชาชาติสงวนสิทธิ์ไม่เห็นด้วยเครื่องดื่มแอลกออฮอล์ด้วยเหตุผลด้านศาสนา
  11. ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ด้วยการผลักตันกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แก้ปัญหาแนวเขตป่าไม้และที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน รวมถึงการทบทวนคดีที่เป็นผลจากนโยบายทวงคืนผืนป่า
  12. ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
  13. จัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นใช้วิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (zero-based budgeting)
  14. สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว
  15. แก้ไขปัญหายาเสพติดโดยเร่งด่วน
  16. นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านการออกประกาศกระทรวง สธ.โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา
  17. ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัย คุ้มครอง รักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิตส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี และแหล่งน้ำ ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อวางแผนการผลิตและรักษาผลประโยชน์เกษตรกร ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ
  18. แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา ฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพประมงให้ยั่งยืน
  19. ยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  20. ยกระดับระบบสาธารณสุข
  21. ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
  22. สร้างความร่วมมือและกลไกภายในและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์(Net Zero)โดยเร็วที่สุด
  23. ดำเนินการนโยบายต่างประเทศ โดยการฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเชียน และเวทีระหว่างประเทศตามกรอบความร่วมมือพหุภาคีและรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศของไทยกับประเทศมหาอำนาจ

โดยข้อตกลงทั้ง 23 ข้อ ต้องเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติ 5 ข้อ ดังนี้

1.ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคน

2.ทุกพรรคจะทํางานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชัน ทุกพรรคจะ ยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นๆ ทันที

3.ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดยยึดถือ ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง

4.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอ้านาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของแต่ละพรรคการเมือง

5.ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติของผู้แทนราษฎรที่สังกัดแต่ละพรรคการเมือง

โดยหลังจากนายพิธา อ่านบันทึกความเข้าใจร่วมเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้ให้หัวหน้าพรรคแต่ละพรรค เซ็นลงนามในบันทึก MOU ดังกล่าว ก่อนจะเริ่มตอบคำถามสื่อมวลชน

โดยนายพิธายืนยันว่า ถึงแม้ใน MOU จะไม่มีเรื่องการแก้ไข ม.112 แต่พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไข ม.112 โดยใช้กระบวนการในสภา ผลักดันโดยพรรคก้าวไกล โดยต้องเป็นไปตาม MOU คือ จะต้องไม่กระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระมหากษัตริย์จะทรงดำรงอยู่ในฐานะเคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้  

ส่วนเรื่องกัญชาเสรี นายพิธาบอกว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แล้วทำกฎหมายควบคุมที่เหมาะสมออกมา ซึ่งร้านค้าต่างๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาในตอนนี้ หากทำมาอย่างถูกต้องก็ไม่ต้องกังวลอะไร

ขณะที่พรรคเพื่อไทย ยืนยันเป็นรอบที่ 502 ว่า จะเดินหน้าสนับสนุนพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายก ไม่มีความคิดอื่น ไม่มีเรื่องของการดีลลับ ไม่มีการจัดรัฐบาลที่ฮ่องกง และไม่เกี่ยวข้องกับข่าวลือเรื่องการยุบพรรคพลังประชารัฐ มารวมเสียงกับเพื่อไทย ไม่เป็นความจริงทั้งหมด

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้