โตโยต้าลั่นพร้อมร่วมแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM2.5 เร่งผลิตรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หวังช่วยลดฝุ่น ขอบีโอไอผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮ-บริด ส่วนตลาดรถรวมปีนี้ชี้ยอดขายไม่ถึงล้านคัน เหตุเจอสารพัดปัจจัยลบ
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะ กรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาอย่างรุนแรงในสังคมไทยขณะนี้ โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่าง กทม. ว่า โตโยต้าตระหนักดีว่าหนึ่งในสาเหตุใหญ่ของฝุ่นจิ๋ว PM2.5 มาจากรถยนต์ จึงมุ่งมั่นในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้มีการปล่อยไอเสียน้อยลง ลดการสร้างฝุ่นจิ๋ว PM2.5 โดยเฉพาะรถกระบะของโตโยต้าที่ใช้น้ำมันดีเซลก็ได้ให้สามารถใช้น้ำมันไบโอดีเซลทั้ง B10 และ B20 ซึ่งจะช่วยในการลดปริมาณฝุ่นจิ๋ว พร้อมกันนี้ในส่วนของรถยนต์ของลูกค้าที่ใช้งานมาหลายปี โดยเฉพาะที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปซึ่งอาจจะมีส่วนในการสร้างฝุ่นจิ๋ว ทางศูนย์บริการของโตโยต้าได้จัดแคมเปญตรวจเช็กรถฟรี เพื่อตรวจสอบการทำงานของรถยนต์ให้มีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
ด้านนายสมคิด ประดิษฐ์กำจรชัย รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของโรงประกอบรถยนต์ของโตโยต้าทุกแห่งในไทยได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการประกอบรถยนต์เพื่อไม่ให้มีการสร้างฝุ่นในการผลิตจนสร้างปัญหาให้กับสังคม
ขณะที่นายวุฒิกร สิริยะฉันทนานนท์ กรรมการบริหารอาวุโส บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า โตโยต้าพร้อมผลิตเครื่องยนต์เพื่อรองรับน้ำมันมาตรฐานยุโรป หรือ EURO5 ตามที่ทางการกำหนดเพื่อร่วมแก้ไขฝุ่นจิ๋ว
นายสุรภูมิ อุตมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่าเมื่อต้นเดือน ม.ค.นี้ โตโยต้าได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถปลั๊กอินไฮ-บริดในประเทศไทย โดยจะต้องดำเนินโครงการไปสู่การผลิตรถพลังงานทางเลือกภายในเวลา 3 ปี
ในส่วนของการคาดการณ์ยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อในไทยปีนี้ นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2563 นับเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่งของตลาดรถยนต์ในไทย เพราะต้องเผชิญกับหลายปัจจัย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและมาตรการควบคุมสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเข้มงวดมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์รวมทุกประเภทและทุกยี่ห้อในปีนี้จะอยู่ที่ 940,000 คัน ลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 358,500 คัน ลดลง 10.0% และรถเพื่อการพาณิชย์ 581,500 คัน ลดลง 4.5%
“เฉพาะในส่วนของโตโยต้าตั้งเป้าขายโดยรวม 310,000 คัน ลดลง 6.7% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 103,000 คัน ลดลง 12.5% และรถเพื่อการพาณิชย์ 207,000 คัน ลดลง 3.6% ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ โตโยต้า จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น พร้อมยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้าด้วยการดูแลเอาใจใส่ลูกค้านับตั้งแต่วันแรกที่ซื้อรถยนต์ ตลอดจนวันสุดท้ายของการใช้งาน”
นายซึงาตะ กล่าวว่า ในส่วนของยอดขายรถยนต์รวมทุกประเภทและทุกยี่ห้อในปี 2562 อยู่ที่ 1,007,552 คัน ลดลง 3.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ประกอบด้วยยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 398,386 คัน ลดลง 0.3% และรถเพื่อการพาณิชย์ 609,166 คัน ลดลง 5.1% โดยนับเป็นครั้งที่สี่ในประวัติศาสตร์ตลาดรถยนต์ในไทยที่ทำยอดขายถึงระดับหนึ่งล้านคัน ถึงแม้ว่าตลาดรถยนต์ได้มีการหดตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งปีหลังก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นมา
