หน้าแรก เศรษฐกิจ “ซาเล้ง” บ่นราคาเศษกระดาษวูบ พาณิชย์เด้งรับนัดหารือต้นปีหน้า

“ซาเล้ง” บ่นราคาเศษกระดาษวูบ พาณิชย์เด้งรับนัดหารือต้นปีหน้า

474
แชร์ข่าวนี้

“พาณิชย์” นัดถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน 9 ม.ค.63 แก้ปัญหาราคาเศษกระดาษตกต่ำ หลัง “ซาเล้ง-ร้านรับซื้อของเก่า-คัดแยกขยะ” บุกร้องให้ช่วย เตรียมเชิญผู้นำเข้ามาร่วมให้ข้อมูล หลังพบยอดนำเข้าพุ่ง พร้อมหารือมาตรการช่วยเหลือ ส่วนการห้ามนำเข้า 2 หน่วยงานรัฐ “ก.ทรัพ-อุตสาหกรรม” ต้องคุยกันให้จบก่อนเสนอ “พาณิชย์” ออกประกาศคุม ชี้เป็นทางออกที่เร็วสุด หากใช้เซฟการ์ด อาจต้องใช้เวลาเป็นปี

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการรับซื้อของเก่าเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาราคาเศษกระดาษตกต่ำว่า ทางกรมการค้าต่าง ประเทศได้ทำการนัดผู้ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเศษกระดาษ ทั้งรถซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า ร้านคัดแยกขยะ ผู้ประกอบการคัดแยกขยะ และผู้นำเข้าเศษกระดาษ มาหารือถึงแนวทางและมาตรการช่วยเหลือในวันที่ 9 ม.ค.63 หลังจากที่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเศษกระดาษได้เดินทางมาหารือกับกรมการค้าต่างประเทศและขอให้กรมการค้าต่างประเทศช่วยเหลือ เพราะได้รับความเดือดร้อนจากขณะนี้ราคาเศษกระดาษตกต่ำ จากปกติเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท เหลือเพียงเฉลี่ย กก.ละ 1.50-2.00 บาท

สำหรับสาเหตุที่ราคาเศษกระดาษตกต่ำ ผู้ประกอบการแจ้งว่า เป็นเพราะปัจจุบันไทยนำเข้าเศษกระดาษจำนวนมาก และไม่มีการกำกับ ดูแลเลย จนส่งผลกระทบต่อราคาภายในประเทศ และกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกระดาษที่นำเข้า เป็นกระดาษใช้แล้ว จึงขอให้กรมการค้าต่างประเทศช่วยเหลือ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศแจ้งว่า ปัจจุบันเศษกระดาษสามารถนำเข้าได้ เพราะเป็นขยะรีไซเคิล แต่หากต้องการให้ห้ามนำเข้า เป็น หน้าที่ของ 2 หน่วยงาน คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมที่จะพิจารณาและเสนอความเห็นมายังกรม จากนั้นกรมการค้าต่างประเทศถึงจะออกประกาศห้ามนำเข้า โดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522

อย่างไรก็ตาม ตามอำนาจหน้าที่ของกรมสามารถดูแลในเรื่องราคาตกต่ำได้ โดยหากเห็นว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากจนผิดปกติ และทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้รับผลกระทบก็สามารถใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ได้ แต่การใช้มาตรการจะต้องมีการพิสูจน์ว่าผู้ประกอบการในประเทศได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง จากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นก่อน ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะประกาศใช้มาตรการได้ ซึ่งอาจไม่ทันการณ์แล้วก็ได้

“เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์และสถานการณ์ของปัญหา กรมจึงได้นัดทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาหารือในวันที่ 9 ม.ค.63 เพื่อให้มาคุยกันว่าจะมีทางออกอย่างไร เพราะหากรอใช้มาตรการอาจจะไม่ทันการณ์ อย่างการห้ามนำเข้าก็ต้องรอ 2 หน่วยงานคุยกันก่อน คุยเสร็จก็ต้องประชาพิจารณ์ จากนั้นถึงจะเสนอมาให้กรมออกประกาศห้ามนำเข้า เร็วสุดอาจมี 3 เดือน หรือถ้าจะใช้เซฟการ์ดก็ต้อง 1 ปีเป็นอย่างน้อย จึงอาจต้องใช้มาตรการทางบริหารเข้าไปจัดการแทน ส่วนจะเป็นอะไรต้องคุยกันก่อน โดยระหว่างนี้ กรมจะหาข้อมูลจากทุกภาคส่วนมาเตรียมไว้ก่อน” นายกีรติกล่าว

สำหรับการนำเข้าเศษกระดาษในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 62 มีปริมาณ 1.5 ล้านตัน มูลค่า 6,631 ล้านบาท ขณะที่ปี 61 นำเข้า 1.4 ล้านตัน มูลค่า 7,790 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำเข้าจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 24%, อิตาลี 11%, ญี่ปุ่น 7%, เนเธอร์แลนด์ 6% และออสเตรเลีย 5.8%


แชร์ข่าวนี้