นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งบูรณาการทำงาน หามีมาตรการที่เหมาะสม และมาตรการรองรับผลกระทบรอบด้านจากข่าวที่มี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ติดเชื้อโควิด-19 และมีการประชุมร่วมรัฐสภานั้น ส.ส.ต่างสงสัยกันว่า มาตรการคัดกรองของรัฐสภามีปัญหาหรือไม่ หละหลวมหรือไม่รัฐสภาปล่อยให้คนมีไข้สูงเข้ามาประชุมร่วมรัฐสภาได้อย่างไร
นอกจากนี้ วันนี้ปัญหาเตียง ไม่พอ ก็กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการแก้ไข ไม่เช่นนั้นก็จะวนกลับมาอีกครั้งเหมือนเดิม อีกทั้งเป้าหมายในการฉีดวัคซีนประชาชนยังห่างไกลความเป็นจริง วัคซีนยังมาน้อย มาไม่ครบจนเกิดเสียงบ่นของแพทย์พยาบาล ที่สะท้อนออกมาแต่กลับถูกห้ามถูกเตือน รัฐบาลควรจะ ต้องนำเสียงสะท้อนมาปรับปรุงและแก้ไขการทำงาน รับฟังและนำไปสู่การแก้ปัญหา
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกยี่ห้อโมเดอร์นา ที่จะเข้ามาเดือนตุลาคม ว่า น่าจะไม่ทันการเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ถือว่าหนัก จึงขอเสนอว่าให้องค์การเภสัชกรรม กระชับเวลาหรือร่นระยะเวลาในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้เร็วขึ้น ซึ่งเข้าใจดี ว่ามีหลายขั้นตอนโดยตามขั้นตอนจะมีการลงนามซื้อขายวัคซีนในเดือนสิงหาคม แต่น่าจะทำขั้นตอนดังกล่าวให้กระชับและเร็วขึ้น รวมรวมถึงควรกระชับกระบวนการในการจัดหาโรงพยาบาลในการฉีดวัคซีน เพื่อให้วัคซีนทางเลือกได้เข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น ตนเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ และเชื่อว่า องค์การเภสัชกรรมจะสามารถกระชับเวลาในทุกขั้นตอน ให้เร็วขึ้นได้ ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนได้
นอกจากนี้นายอนุสรณ์ กล่าวถึงมติการโหวต 13 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในการประชุมรัฐสภา ว่า พรรคเพื่อไทยเข้าใจในความรู้สึกของประชาชนที่ผิดหวัง กับการทำหน้าที่ของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ร่างผ่านเพียงร่างเดียว และเป็นเรื่องที่น่าเสียโอกาสที่ร่างที่เป็นประโยชน์ของประชาชน ถูกตีตกไปหมด รวมถึงร่างแก้ไขมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีก็ถูกตีตกเช่นกัน แต่เมื่อดูในรายละเอียดจะพบว่า ร่างแก้ไขมาตรา 272 ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. มากที่สุด แต่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ไม่ถึง 84 คน จึงทำให้ร่างดังกล่าวตกไปแม้ก่อนหน้านี้มี ส.ว. บางส่วนให้ความหวังว่า จะขอฟังเหตุผลในการแก้ไขมาตราดังกล่าว แต่ก็กลับไม่โหวตรับหลักการ
ดังนั้น แสดงให้เห็นว่า ส.ว. ส่วนใหญ่ ยังคงลุแก่อำนาจที่ได้อำนาจมาโดยคณะรัฐประหารถือว่าการกระทำดังกล่าวนั้นขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ส.ว. ได้พลาดโอกาสสำคัญและละทิ้งโอกาสที่จะแสดงความจริงใจต่อประเทศชาติและประชาชน เหมือนกลัวตกงานและกอดอำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรีเอาไว้ให้นานที่สุด
อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าปิดสวิตช์ ส.ว. ตามกระบวนการในทุกช่องทางที่ทำได้
ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews
