วันที่ 27 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เป็นรายบุคคลเป็นวันที่ 4 โดยหลังหารือเสร็จสิ้นได้เข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยในเวลา 10.40 น. นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปราย รวมทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ โดยอภิปรายคนเดียว ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นายศรัณวุฒิ อภิปรายเปิดโปงขบวนการที่อ้างว่าเป็นการล้มมวยช่วยเหลือคดีของบริษัท ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและสำแดงเท็จ ทำให้ประเทศเสียหายเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท มั่นใจว่าหลังถูกแฉ ทั้ง 3 คนต้องชิงลาออก ถูกประชาชนขับไล่แน่นอน ตนจะดำเนินคดี หลังจากนี้เชื่อว่ามีคนติดคุก เพราะความเสียหาย 84,000 ล้านบาท แต่มีการเตะถ่วงจนค่าปรับเหลือแค่ 1,224 ล้านบาท
ซึ่งบริษัทฟิลลิป มอริส แพ้คดีที่สหรัฐฯและยุโรป ถูกปรับเป็นหมื่นล้านบาท ไม่เฉลียวใจหรือว่ามาชนะที่ไทยที่เดียว ที่จริงเขาแพ้คดีเราทุกประตู ไม่มีทางสู้ เพราะสำแดงราคาเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร แต่ผู้บริหารประเทศดันทุรังทำลายอธิปไตยไทย ขอให้กรมราชทัณฑ์ล้างคุกรอไว้เลย ยกเว้นมีปาฏิหาริย์
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ปี 2556 อัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงค่าภาษีอากร โดยสำแดงเท็จตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ซึ่งอัตราโทษสูงปรับถึง 4 เท่าของราคาสินค้ารวมภาษี
แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทรกแซงกฎหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แก้ไขมาตรา 27 พ.ร.บ.ศุลกากร ทำให้ภาษีนำเข้าถูกลง ทำให้บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เสียภาษีตามที่ศาลอาญามีคำพิพากษาจากเดินกว่า 84,000 ล้านบาท แต่กลับเรียกเก็บได้เพียง 1,224 ล้านบาท
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ขณะที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล นายดอน มีหนังสือหารือนายกฯ เกี่ยวกับบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ผ่านนายวิษณุ อ้างว่าบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยสำแดงภาษีเท็จว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ WTO
นอกจากนี้นายกฯ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อรับข้อเสนอของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ขอถามว่าพวกคุณกินเงินเดือนใคร ฟิลลิป มอร์ริส ผู้อ้างว่าสามารถให้รมว.พาณิชย์ สหรัฐฯ มาช่วยเจรจา ซึ่งไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นอธิปไตยของเรา
แต่นายดอน แกล้งตกใจกลัว รับคำขู่มากดหัวเจ้าหน้าที่ไทย เปิดรับข้อเสนอต่างตอบแทน ที่เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย
“การที่นายกฯ นายวิษณุ และนายดอน ยอมทำถึงขนาดนี้ คนโบราณไทยเดิมบอกว่า มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผีโม่แป้งได้ และอะไรที่ทำให้ผีโม่แป้งได้ ผมให้ประชาชนคิดเอง นอกจากนี้ทันทีที่ยึดอำนาจ มีมาตรา 44 อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งเพื่อนรัก พล.อ.ว. ที่เดินไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไปคุมยาสูบ
ตามด้วยตั้งพล.ท. ส. เข้าไปเป็นประธานกรรมการอำนวยการกิจโรงงานยาสูบ จากนั้นตั้งน.ส. ด. กระทั่งได้เป็นผอ.โรงงานยาสูบ หากใครจะประมูลงานของโรงงานยาสูบ จะต้องผ่านบริษัท อัพ ด. แทนที่จะเปิดประมูลเสรี และบริษัทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคนชื่อ ปรีชา ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าข่ายรู้เห็นเป็นใจฝ่าฝืนกฎหมายล็อกสเปก” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
ส.ส.เพื่อไทย กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังสมรู้ร่วมคิดกำหนดพิกัดภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้มีการจัดเก็บภาษีสูงสุดถึง 40% ต่อซอง ส่งผลให้บุหรี่ไทยและโรงงานยาสูบขาดทุนเนื่องจากราคาสูงกว่าบุหรี่ต่างประเทศ การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการวางแผนเพื่อช่วยเจ้าสัว ช่วยโรงงานยาสูบ เพื่อนำพื้นที่ไปก่อสร้างโครงการสวนสาธารณะเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัว
นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายถึงการจัดซื้อรถถังว่า ในสมัยพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ได้จัดซื้อรถถังจากประเทศยูเครนด้วยวงเงินงบประมาณ 8,000 ล้านบาท มีกำหนดส่งมอบปี 2558 แต่ส่งมอบจริงปี 2561 ปรากฏว่าไม่มีการจ่ายค่าปรับ สำหรับการจัดซื้อครั้งนี้มีการตั้งคนไทย 2 คนเป็นลูกจ้างในกงศุลไทยที่ประเทศยูเครน
นอกจากนี้การซื้อขายรถถังไม่ได้เป็นไปลักษณะรัฐต่อรัฐ แต่พบว่าดำเนินการผ่านบริษัทแห่งหนึ่ง เงินส่วนหนึ่งจ่ายผ่านคนกลาง 1,400 ล้านบาท และเมื่อจ่ายเงิน ลูกจ้างคนดังกล่าวก็ลาออก ยูเครนส่งผลการตรวจสอบให้กระทรวงการต่างประเทศไทยให้ตรวจสอบ แต่มีไอ้โม่งเก็บเรื่องเอาไว้ไม่ให้ตรวจสอบ
“รถถังนี้ เป็นรถถังเชียงกงย้อมแมว ใช้เวลาประกอบนานมาก ผิดกับซื้อขายรถถังของจีนที่ใช้เวลาประกอบรถถังและส่งมอบในเวลาไม่นาน พี่น้อง 3 ป. พี่ใหญ่ซื้อเรือดำน้ำ พี่รองไม้แหย่แย้ เรือเหาะ ส่วนน้องเล็กซื้อรถถึงโอพอด ตั้งแต่ยึดอำนาจมา 6 ปีและสืบทอดอำนาจ
แม้จะอ้างว่ามาตามประชาธิปไตย แต่ทำเศรษฐกิจไทยพังยับเยิน สาเหตุที่เราทรุดแบบนี้เพราะเรามีภูมิคุ้มกันไม่ดี ท่านนายกฯมักจะบอกว่าตัวเองเสียสละ และความรักชาติ เอาหน้าที่การเป็นทหารมาข่มขู่คนอื่น” นายศรัณย์วุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างที่ นายศรัณย์วุฒิ อภิปราย ถูกส.ส.ฝ่ายรัฐบาลประท้วงเป็นระยะ ทำให้นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ประท้วงมันน่ารำคาญมาก นายกฯ จดเองเลย เวลานายกฯ ไม่มาไม่เห็นประท้วงเลย เพื่อพิสูจน์ความจงรักษ์ภักดีของท่าน
ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในฐานะประธานที่ประชุม เตือนทันทีว่า เราจะขอร้องเสมอในสภานี้ว่าอย่าสาบาน เพราะเราอยู่กันหลายคน อย่าท้าทาย เพราะการท้าท้ายทำให้เป็นเงื่อนไขข้อขัดแย้งตามมา ซึ่งไม่อยากให้สูญเสียฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราควรอดทนใช้เหตุผลกัน
นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายต่อว่า “ก่อนที่มาอภิปรายวันนี้มีคนเตือนผมเยอะว่าจะเจอะกับอะไร ผมไม่กลัว ถ้าผมกลัวไม่ยืนอภิปรายสู้ขนาดนี้ นี่คือนักรบพันธุ์ดุ ผมได้ทำพินัยกรรมให้กับลูกผมแล้วว่า พ่อเป็นอะไรไป ให้พี่ๆ น้องๆ รักกันดูแลกันให้ดี พ่อจะทำดีให้บ้านเมือง พ่อจะเป็นอะไรไม่สำคัญ
ทำให้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่าวันนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ใช่มาสั่งเสีย เรื่องครอบครัวก็ไปคุยกับครอบครัว เสียเวลา จะตายก็ไปสั่งเสียที่บ้านเอง
ทั้งนี้ นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายต่อว่า เรียนนายกฯว่า เพื่อพิสูจน์ พรุ่งนี้ นายกฯไปที่วัดพระแก้ว กับตนเราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
นายชวน เบรกว่า อย่าท้าไปวัดพระแก้ว เราต้องใช้สภาฯนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าใช้ความกลัว ถ้าพูดไปแล้วจะเป็นอันตราย ถ้ากลัวแล้วพูดทำไมเราก็ต้องไม่กลัว เพราฉะนั้นอย่างไปแสดงด้วยความกลัวด้วยการพูดในลักษณะว่าจะเกิดอะไรขึ้น สภาฯนี้ไม่สนับสนุนความกลัว
ที่เปิดโอกาสเพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ที่เปิดให้มีการตรวจสอบอย่างเข็มแข็ง ไม่ได้กีดกันเลย ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หาากมีการกล่าวหาอีกฝ่ายก็ต้องมีสิทธิตอบ พูดอะไรแรงไป ถ้าเขาตอบแรงไปเราก็ต้องรับได้ กรณีนายศรัณย์วุฒิ กล่าพูดก็อย่าไปกลัว
นายศรัณย์วุฒิ จึงกล่าวต่อว่า “พรุ่งนี้ นายกฯ ไปที่หน้าวัดพระแก้วกับผม เราจะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเตรียมกระสุนไปคนละนัดต่างคนต่างแลกยิงกันดูเลย เพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี เอาอย่างนั้นเลยนะครับ”
เมื่อนายศรัณย์วุฒิ พูดจบนาย ชวนได้สั่งให้ถอนคำพูด โดยนายศรัณย์วุฒิ ยอมถอนคำพูดและจบการอภิปรายทันที
