หน้าแรก สังคม แปดริ้วเหลือเพียงฟาร์มร้างหลังพบโรคอหิวาต์ฯ

แปดริ้วเหลือเพียงฟาร์มร้างหลังพบโรคอหิวาต์ฯ

362
แชร์ข่าวนี้

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมจิตร์ วัฒนกิจวิชัย เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย ขนาดฟาร์ม 1 พันตัว ในอดีตว่า ขณะนี้ตนเองพร้อมด้วยเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เกือบทั้งหมดจำนวนกว่า 40 ราย ได้หยุดเลี้ยงสุกรหรือพักฟาร์มมาตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว

หลังจากได้มีโรคอหิวาต์แอฟริกา ASF เข้ามาระบาดในพื้นที่เมื่อประมาณเดือน ม.ค.64 ที่ผ่านมา จนทำให้สุกรที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ทยอยป่วยล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนหมดเกลี้ยงทั้งฟาร์ม ตั้งแต่เมื่อประมาณเดือน มี.ค.- เม.ย.64 ที่ผ่านมา โดยมีเกษตรกรที่ได้แจ้งให้แก่ทางปศุสัตว์เข้ามาทำลายฝังกลบเพื่อขอรับเงินค่าชดเชยในราคาตัวละ 9 พันบาทไปแล้ว ตั้งแต่ในช่วงของการระบาดครั้งนั้น แต่มีบางรายที่ไม่ได้แจ้งทำลาย

โดยที่ฟาร์มของตนในขณะนั้น มีสุกรอยู่ในฟาร์มประมาณ 800 ตัว ทั้งสุกรขุนและแม่พันธุ์ ได้รับความเสียหายไปด้วยทั้งหมด แต่ตนเองไม่ได้แจ้งเพื่อขอรับเงินค่าชดเชย เนื่องจากไม่คิดว่าจะได้รับการเยียวยาชดเชยจากทางภาครัฐในขณะนั้น จึงได้ทยอยขายออกไปบางส่วนและเสียหายไปบางส่วน หลังจากนั้นจึงได้หยุดเลี้ยงและพักฟาร์มมาอย่างยาวนานจนเกือบตลอด 1 ปีเต็มแล้ว

ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ยังคงมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเหลืออยู่เพียงไม่ถึง 10 รายจากทั่วทั้งจังหวัด ทั้งที่ในอดีตนั้น จ.ฉะเชิงเทรา ถือเป็นแหล่งผลิตเนื้อสุกรมากที่สุดในประเทศ ที่มีเกษตรกรทั้งรายใหญ่ที่มีการเลี้ยงกันนับหมื่นไปจนถึงแสนตัว และฟาร์มขนาดกลางจำนวน 5 พันไปจนถึง 1 หมื่นตัวรวมถึงรายย่อยที่เลี้ยงต่ำกว่า 5 พันตัวลงมาถึงกว่า 300 รายเมื่อ 20 ปีก่อน แต่หลังเกิดโรคระบาดในสุกรบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับทายาทคนรุ่นหนุ่มสาวไม่นิยมที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรต่อไปอีกแล้ว

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : INNnews


แชร์ข่าวนี้