หน้าแรก เทคโนโลยี 4 เคล็ดลับ ในการชะลอการเสื่อมของแบตเตอรี่ iPhone ให้ช้าลง

4 เคล็ดลับ ในการชะลอการเสื่อมของแบตเตอรี่ iPhone ให้ช้าลง

250
แชร์ข่าวนี้

เรื่องหนึ่งที่หลายคนสงสัยว่าแบตเตอรี่ของมือถืออย่าง iPhone ได้ความจุดเท่าไหร่ เพราะในสเปกอย่างเป็นทางการมีการบอกแค่ว่าใช้ได้นานแค่ไหน แต่เรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กันคือ อยู่ดีๆ ใช้งานไปแล้วแบตเตอรี่เสื่อมลง จนทำให้ใช้งานได้สั้นลง ในเวลาผ่านไปนาน ซึ่งบางคนพบว่าแบตเตอรี่เหลือสุขภาพแค่ 89% เมื่อใช้งานแล้ว 3 ปี

istock-941237708

คำถามสำคัญคือ มันจะมีวิธีชะลอให้แบตเตอรี่ของมือถือเสื่อมช้าลงได้อย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกันจาก 4 เคล็ตลับเหล่านี้

อย่ารอจนกว่าโทรศัพท์จะปิดก่อนชาร์จ

batch_apple-1

ถือว่าเป็นความเชื่อผิด เรื่องหนึ่งที่หลายคนเลือกที่จะทำอยู่คือการปล่อยให้แบตเตอรี่นั้นหมดแล้วค่อยชาร์จไฟ นั้นเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมาก เพราะในเอกสารของ Apple ที่ระบุเรื่องแบตเตอรี่จะมีการเปิดเผยว่า วงจรรอบของการชาร์จไฟมือถือ คือ 0 – 100% เท่ากับ 1 รอบ โดยเราสามารถชาร์จไฟมือถือได้แค่ 500 รอบการชาร์จเท่านั้น 

โดยการแสดงผลสุขภาพของ iPhone จะสามารถให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เมื่อสุขภาพแบตเตอรี่อยู่ที่ 80%  หากแบตเตอรี่เสื่อมช่วยระยะประกันถือว่าฟรี แต่ถ้าเสียงก่อนเวลาที่กำหนด อาจจะมีการเปลี่ยนได้แค่รอบเดียว แต่หลังจากนั้นจะต้องเสียเงินในการเปลี่ยน

เท่ากับถ้าคุณอยากลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับแบตเตอรี่ของมือถือสามารถทำได้แค่อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมด แล้วควรเหลือเท่าไหร่ดีล่ะ คำตอบคือช่วง 25 – 75% ควรจะเริ่มชาร์จในช่วง 25% จะดีที่สุด 

เปิดฟังก์ชันการชาร์จการเพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่

ในเอกสารของการชาร์จไฟด้วย iPhone มีการระบุว่าการชาร์จไฟทั้งรูปแบบของที่ชาร์จ 5W, 18W และ 20W แต่รูปแบบที่ชาร์จไฟได้ดีที่สุดคือ การชาร์จไฟแค่ 5W จะสามารถจ่ายไฟเข้าไปได้ 100% และเสื่อมช้าที่สุด ดังนั้นการชาร์จไฟแบตเตอรี่ที่เร็วเกินไปก็ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ง่ายเช่นเดียวกัน

ดังนั้นการเปิดฟีเจอร์การชาร์จไฟให้เหมาะสม หรือ Adaptive Battery ตั้งแต่เริ่มใช้งานก็ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานมากขึ้น แต่บางกรณีเราสามารถเลือกที่จะปิด เพื่อให้ชาร์จไอโฟนเร็วขึ้น

ข้อดีของฟีเจอร์ปรับรูปแบบการชาร์จไฟที่เหมาะสม คือ ถ้าคุณชาร์จไฟข้ามคืน แบตเตอรี่จะดันกำลังไฟไปถึง 80% เท่านั้นและจะจ่ายไฟเต็มในตอนเช้า ทำให้แบตเตอรี่นั้นมีสุขภาพดีและไม่ทำให้เครื่องร้อนจนเกินไป

อย่าชาร์จในสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรือเย็นจัด และ หลีกเลี่ยงการชาร์จขณะใช้งาน 

ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญแต่หลายคนอาจจะไม่ได้คิดคือ อุณหภูมิที่พร้อมทำงานของ แบตเตอรี่ลิเธียมของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟนคือ 0~40 °C เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 0 °C ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ลิเธียมจะลดลง หากอุณหภูมิสูงกว่า 35 °C จะทำให้เกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่ได้ 

ในเอกสารของ Apple ได้ระบุว่า สภาพแวดล้อมที่ทำงานได้ดีจะอยู่ในช่วง 16 – 22 องศา ดังนั้นหนึ่งในวิธีการรักษาให้อยู่ในอุณหภูมเท่านั้นก็สามารถใช้งานได้ดี ถ้าดีที่สุดคือเราควรจะหลีกเลี่ยงสถานที่ชาร์จไฟเกิน 35 องศา และอีกสิ่งที่สามารถชะลอการเสื่อมได้คือ การชาร์จไฟที่อยู่ช่วง 80% ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดในการชาร์จไฟ

อีกพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงคือ การชาร์จไฟไปแล้วใช้งานไปไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือเป็นการดูข้อมูลต่างๆ เพราะนอกจากทำให้ความร้อนสูงแล้ว ยังจะทำให้แบตเตอรี่สูญเสียปริมาณแบตฯ ระหว่างการชาร์จไฟเป็นต้น

ใช้ที่ชาร์จของแท้ของ Apple

untitled-4

แม้ว่าอุปกรณ์ชาร์จไฟจะมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อและหลายราคาไม่ว่าจะเป็นทั้งของแท้จากผู้ผลิตกลุ่ม Third-party ทั้งหลาย หรือจะเป็นจากผู้ผลิตเอง การเลือกอุปกรณ์นอกจากดูเรื่องการโหลดของไฟเข้าเครื่องและอุณหภูมิว่าสูงเกินไปหรือไม่ หรือจะมีระบบตัดกระแสไฟเมื่อเปิดไฟลัดวงจรหรือไม่

วิธีหนึ่งที่หลายคนอาจจะเลือกใช้กันคือการเสียเงินราคาแพงไปเลยเพื่อได้อุปกรณ์ที่ดีอย่างเช่นการซื้อของแท้จากผู้ผลิตที่ไว้ใจได้ เพราะมีการทดสอบเพื่อเกิดความปลอดภัยในอุปกรณ์ทั้ง ป้องกันกระแสไฟเกิน, รักษาความร้อนไม่ให้สูงเกินไป หรือจะเป็นการได้กระแสไฟที่เร็วตาม กำลังไฟที่เข้าได้ 

แต่ถ้าถ้าแพงไป แนะนำให้เลือกอุปกรณ์เสริมตามที่ผุ้ผลิตได้กำหนดสเปกให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมรายย่อยเลือกใช้ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง

ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ปกป้องสุขภาพแบตเตอรี่ของ iPhone ของคุณเองได้ง่ายที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ถ้ามือถือของคุณมีอายุเยอะแล้วการเปลี่ยนแบตเตอรี่ก็เป็นทางออกที่ดีหากต้องการใช้งานยาวๆ กับมือถือเครื่องนั้น และการเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยรักษาอุปกรณ์และชีวิตของคุณเวลาต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ครับ

ขอขอบคุณ

ข้อมูล :www.gizchina.com

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้