หน้าแรก สังคม จำคุก 10 ปี “เนย” อดีตคนสนิทสมเด็จพระวันรัต ยักยอกเงินวัด 80 ล้าน ยังมีคดีอีกหลายวัด

จำคุก 10 ปี “เนย” อดีตคนสนิทสมเด็จพระวันรัต ยักยอกเงินวัด 80 ล้าน ยังมีคดีอีกหลายวัด

166
แชร์ข่าวนี้

ศาลพิพากษา จำคุก 10 ปี “เนย” อดีตคนสนิทสมเด็จพระวันรัต ยักยอกเงินวัดวชิรธรรม 80 ล้าน ยังมีวัดอื่นโดนอีก

จากกรณีปรากฏข่าวว่า มีการยักยอกเงินจากบัญชีของวัดบวรนิเวศราชวรวิหารและวัดสาขา หลังจาก สมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรฯ มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ไปใช้ส่วนตัวเป็นเงินจำนวนมาก ซึ่งต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย

กองบังคับการปราบปราม เข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี จากตรวจสอบพบว่ามีการยักยอกเงินของสมเด็จพระวันรัต และบัญชีของวัดเกี่ยวกับการบูรณะวัดบวรนิเวศและวัดสาขาจริง โดยนายอภิรัตน์ หรือ เนย
อดีตลูกศิษย์คนสนิทที่มีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต และเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นไวยาวัจกร ได้อาศัยช่วงที่สมเด็จพระวันรัต อาพาต รักษาตัวโรคมะเร็งอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ ปลอมแปลงเอกสารลายเซ็น และการทำธุรกรรมอื่นๆ โยกย้ายทรัพย์สินไปเป็นของตัวเองเป็นจำนวนมาก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะสามารถติดตามจับกุมตัวนายอภิรัตน์ฯ มาได้เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2565 ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1117/2565 ที่พนักงานอัยการและรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม
เป็นโจทก์ และโจทก์ร่วมฟ้อง นายอภิรัตน์ หรือ เนย  อายุ 40 ปี อดีตเจ้าหน้าที่บริหารโครงการกองโครงการธุรกิจ 2 ฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อดีตคนสนิทสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเป็นจำเลย ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง, ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม” ทำให้วัดวชิรธรรม และวัดสาขา ในกรุงเทพและต่างจังหวัดเสียหายและให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 80.1 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย เป็นคดีดำที่ 1777/2565 ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธและถูกขังมาตลอด

คดีนี้โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เดิมสมเด็จพระวันรัตเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวร และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมาราม อาพาธรักษาตัวที่โรงพยาบาลระหว่างปี 2564-2565 ทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้จัดส่งเงินจำนวน 78.5 ล้านบาท เข้าบัญชีวัดวชิรธรรม เพื่อใช้จ่ายในการก่อสร้าง

วัดวชิรธรรมาราม (โครงการสร้างถวายในหลวงภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินินาถ) และโครงการอื่นๆ มีพระวันรัตเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว ในหลายบัญชี จำเลยเป็นศิษย์คนสนิท รู้ว่าเงินไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของพระวันรัตแต่เป็นของวัดวชิรธรรม ได้ออกอุบายหลอกพระวันรัตให้ลงลายมือชื่อเบิกถอนเงินหลายครั้ง เพื่อไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร แล้วนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เมื่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาสอบถามพระวันรัต ก็ไม่ได้รับสาย เพราะจำเลยให้ปิดเสียง ซึ่งจำเลยได้โอนเงินจำนวน 50 ล้านบาทเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง

จากนั้นจำเลยได้นำเงินที่หลอกลวงมาไปซื้อ รถยนต์ ยี่ห้อเบนท์ลีย์ และรถหรูราคาแพง มีการจองและสั่งซื้อเลขป้ายทะเบียนสวย กระเป๋าราคาแพง อัญมณี ชำระหนี้บัตรเครดิต รวมทั้งหมด 324 รายการ ต่อมาพระวันรัตได้ทราบเกี่ยวการโอนเงินวัดเข้าบัญชีจำเลย จึงสอบถามจำเลย ซึ่งจำเลยตอบว่าโอนเงินผิด พระวันรัตจึงตำหนิจำเลยแล้วบอกให้โอนเงินกลับคืนมาให้เรียบร้อย แต่จำเลยไม่โอน ทั้งนี้จำเลยมีการกระทำในลักษณะเดียวกันนี้ต่อวัดบวร, วัดรัตนวราราม ในหลายบัญชี จึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนักและให้คืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ

โดยวันนี้ (28 ก.พ.2566) ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฉ้อโกงหลอกลวงสมเด็จพระวันรัตโดยปลอมและใช้ใบถอนเงินปลอม โดยเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2564 จำเลยได้ถอนเงินจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารหลงเชื่อว่าใบถอนเงินดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2565 จำเลยยังได้โอนเงินจำนวน 30 ล้านบาทเศษเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลย โดยฝ่าฝืนไม่ได้รับความยินยอมจากสมเด็จพระวันรัต ดังนั้นจากพฤติกรรมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยทุจริตมาตั้งแต่ต้นและปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามป.อาญามาตรา 265 และ 268 วรรคแรก ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม จำนวน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมโทษจำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 80 ล้านบาทเศษ แก่วัดวชิรธรรมด้วย

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้