ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลกปี 2014 ทีมชาติโคลอมเบีย ถือเป็นทีมที่สร้างผลงานได้น่าประทับใจสุด ๆ เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะเล่นกันดีจนชนะใจคอลูกหนังแบบนี้
และคนที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนกลายเป็นพระเอกของเวทีนี้ก็คือ ฮาเมส โรดริเกวซ ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวเพิ่งอายุแค่ 22 ปี แถมค้าแข้งอยู่กับทีม โมนาโก หรือถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือพลิกชีวิตจากนักเตะโนเนมกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ระหว่างทัวร์นาเมนต์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ความสามารถของ “เจ้าหนูฮาเมส” เป็นของจริงแน่นอน เพราะหลังจบศึกฟุตบอลโลกเขาก็ถูก เรอัล มาดริด ดึงไปเสริมทัพทันทีแถมยังเล่นดีจนขึ้นแท่นขวัญใจแฟน ๆ ราชันย์ชุดขาวได้ในเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ คีย์แมนทีมชาติโคลอมเบีย ก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบทั้งหมด เพราะพอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 ในถิ่น เบอร์นาบิว เขาก็ถูกลดความสำคัญลงซึ่งสุดท้ายต้องโดนส่งไปให้ บาเยิร์น มิวนิค ยืมใช้งานต่อเนื่อง 2 ปี
และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำลายความมั่นใจของ ฮาเมส ลงไปจนแทบจะหมดสภาพเลยทีเดียว
ปัจจุบัน ฮาเมส โรดริเกวซ อายุ 28 และจะเข้า 29 เต็มในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววได้กลับมาเป็นกำลังหลักให้ เรอัล มาดริด ภายใต้การนำทัพของกุนซือ ซีเนอดีน ซีดาน เลยแม้แต่น้อย (ฤดูกาล 2019-20 ลงเล่นไปเพียง 7 นัดเฉลี่ยนัดละประมาณ 48 นาที)
ด้วยความที่มีดีกรีเป็นถึงนักเตะระดับโลกแต่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หลาย ๆ คนจึงอยากเห็น ฮาเมส ตัดใจจาก เรอัล มาดริด ไปสร้างอนาคตกับทีมอื่นที่เหมาะสมกับตัวเองดีกว่า โดยเฉพาะตำนานรุ่นน้าอย่าง คาร์ลอส วัลเดอร์รามา คือให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ด้วยความเกรี้ยวกราดหลายครั้งเลยทีเดียว
ฉะนั้น ฤดูกาลถัดไป (2020-21) ฮาเมส คงเลือกได้แล้วว่าต้องย้ายออกจากถิ่นเบอร์นาบิวที่ตัวเองรักนักหนาไปหาความท้าทายใหม่ ๆ เสียที โดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่ามีหลายทีมให้ความสนใจอยู่ แต่จะมีใครเหมาะกับเขาบ้าง เรามาดูกัน!
อาร์เซนอล
ถ้าพูดถึงสไตล์ที่เต็มไปด้วยเทคนิกแพรวพราวของ ฮาเมส แล้วล่ะก็ มีแค่ไม่กี่ทีมในโลกหรอกที่จะเค้นเอาศักยภาพของเขาออกมาได้เต็มที่
และด้วยความที่ อาร์เซนอล มีเอกลักษณ์โดดเด่นเรื่องฟุตบอลบนพื้นอยู่แล้ว ฉะนั้นหลายคนน่าจะจินตนาการภาพออกว่า ฮาเมส จะโชว์ฟอร์มได้บันเทิงเริงใจแค่ไหน แถมยังมีลูกศิษย์มือหนึ่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อย่าง มิเกล อาร์เตตา เป็นกุนซืออีกด้วย ถ้าได้มาจริง ยังไงก็เหมาะสมสุด ๆ ชัวร์
สำคัญคือ เมซุต โอซิล ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยทีมให้พัฒนาได้มากกว่านี้อีกแล้ว การได้ตัว ฮาเมส เข้ามาเป็นเพลย์เมคเกอร์แทน จะช่วยเพิ่มความสดใหม่และสไตล์ที่แตกต่างออกไปอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ถึงแม้ระดับชั้นของ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” จะไม่ยิ่งใหญ่มากพอสำหรับฝีเท้าของ ฮาเมส แต่หลังจากที่พวกเขาได้ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม เรื่องพวกนั้นก็ไม่สามารถเอามาเป็นตัวชี้วัดได้อีกต่อไป
ฮาเมส เองก็เคยเป็นลูกศิษย์ของ กุนซือพี่แจ้ มาแล้วสองครั้งสมัยอยู่กับ เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งถือว่ารู้ใจกันมากพอสมควร เพราะมักจะทำผลงานโดดเด่นเล่นบอลสนุกจริง ๆ
ด้วยความที่ตัว ฮาเมส เองก็เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง มีความยืดหยุ่นสูงอยู่แล้วฉะนั้นจึงไม่น่าจะเป็นปัญหากับระบบ 4-4-2 ที่ อันเช่ ติดตั้งเอาไว้ให้ เอฟเวอร์ตัน จนแกร่งทั่วแผ่นไปแล้ว
ส่วนเป้าหมายของทางฝั่งท็อฟฟี่สีน้ำเงินก็คือการสร้างความยิ่งใหญ่ให้ได้ภายใต้การนำของ อันเชล็อตติ ฉะนั้นถ้าได้ ฮาเมส เข้ามาเสริมทัพ น่าจะช่วยให้เข้าใกล้ความฝันเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าแน่นอน
นับตั้งแต่วันที่ ยูไนเต็ด ได้ตัว บรูโน เฟอร์นันเดส เข้ามาเสริมทัพ พวกเขาก็กลับมามีความน่ากลัวพร้อมหลอนคู่แข่งได้ทุกทีมบนโลกนี้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แฟน ๆ รวมถึงนักเตะทุกคนจะตั้งความหวังเอาไว้ค่อนข้างสูงในฤดูกาลถัด ๆ ไป
โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมเองก็ยืนยันว่าจะสร้างทีมที่สมบูรณ์แบบตามสเปคตัวเองขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด โดยมีเป้าหมายการเสริมทัพด้วยแข้งระดับโลกเอาไว้ในใจอยู่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจเป็น ฮาเมส โรดริเกวซ ซึ่งหลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้แบบนี้เช่นกัน
และเมื่อลองนึกภาพตามว่า ฮาเมส ได้สร้างสรรค์เกมรุกร่วมกับ บรูโน โดยมีตัวบัญชาเกมระดับโลกอย่าง พอล ป็อกบา คอยสนับสนุนอยู่จะบุกกันมันส์แค่ไหน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด รีบเซ็นสัญญาดึงมาเสริมทัพเดี๋ยวนี้เลยจริง ๆ
เชื่อเถอะว่าขอแค่ติดต่อไป ฮาเมส พร้อมเก็บข้าวของมาอยู่ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแม้สักวินาทีเดียวแน่นอน”
ถ้าเมื่อ 2 ปีก่อนมีคนพูดว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นทีมที่เหมาะสมกับนักเตะระดับโลกอย่าง ฮาเมส เชื่อเถอะว่าจะต้องโดนเพื่อนฝูงหัวเราะเยาะในความเพ้อฝันนั้นจนแทบเอาปี๊บคลุมหัวแน่นอน เพราะทัพหมาป่าเพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอังกฤษหมาด ๆ หลังจมอยู่ในแชมเปียนชิพมาแทบตลอดทศวรรษ
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากุนซือ นูโน เอสปิริโต ซานโต ใช้เวลาเพียง 2 ฤดูกาลทำให้ วูล์ฟส ยกระดับขึ้นมากลายเป็นหนึ่งหัวหอกของวงการลูกหนังอังกฤษที่คอบอลให้ความสนใจมากที่สุดได้จริง ๆ แถมยังสร้างนักเตะในทีมขึ้นมาเป็นดาวดังได้หลายคนด้วย
และด้วยเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่โค้ชและผู้เล่นตั้งเอาไว้ร่วมกันทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจสูงมากกว่าทีมอื่น ๆ ในลีกอย่างชัดเจน พอบวกกับสไตล์การเล่นที่ถูกรังสรรค์จากแท็คติกของ นูโน ก็ยิ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ในเร็ว ๆ นี้ด้วย
ฉะนั้นถ้า ฮาเมส อยากมองหาความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับตัวเองจริง ๆ แล้วล่ะก็ การพา วูล์ฟแฮมป์ตัน เดินหน้าล่าท้าฝันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเช่นกัน
