หน้าแรก เศรษฐกิจ ค่าเงินบาทวันนี้ 19 ธ.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

ค่าเงินบาทวันนี้ 19 ธ.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

147
แชร์ข่าวนี้

ค่าเงินบาทวันนี้ 19 ธ.ค. 66 เปิดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.99 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.80-35.15 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุค่าเงินบาทวันนี้เปิดที่ระดับ 34.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.99 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.94-35.03 บาทต่อดอลลาร์) โดยเป็นการเคลื่อนไหวไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ที่ยังคงแกว่งตัวในกรอบเช่นกัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันอังคารนี้ ทั้งนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำพยายามรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ทั้งนี้ เราประเมินว่า ตลาดค่าเงินมีโอกาสผันผวนสูงในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ในวันนี้

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ท่ามกลางความหวังของผู้เล่นในตลาดที่มองว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว 6 ครั้ง หรือ -150bps ในปีหน้า โดยมุมมองดังกล่าวยังคงหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นได้ดี อาทิ Amazon +2.7%, Nvidia +2.4% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.61% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.45%

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway ก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ ทว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงินที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ เพราะหาก BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างที่ตลาดคาดหวัง ซึ่งมุมมองดังกล่าวได้สะท้อนในการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ไปพอสมควรแล้ ก็อาจทำให้เงินเยนญี่ปุ่นมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงเร็วและแรง สู่โซนแนวต้าน 145 เยนต่อดอลลาร์ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้ และกดดันให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลง อย่างไรก็ดี หาก BOJ มีการปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น หรือ มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น เรามองว่า เงินเยนญี่ปุ่นก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 141 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจพอช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

นอกเหนือจากผลการประชุม BOJ เรามองว่า เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งยังคงต้องจับตาว่า นักลงทุนต่างชาติจะเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่องได้หรือไม่ หลังฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาผันผวนอีกครั้ง

ทั้งนี้ เรามองว่า เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญแถว 35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านไปได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ เงินเยนญี่ปุ่น พลิกกลับมาอ่อนค่าลงหนัก ก็อาจเห็นเงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ขณะที่โซนแนวรับอาจยังเป็นช่วง 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับที่สำคัญถัดไป

ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.80-35.15 บาทต่อดอลลาร์

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลดลง -0.27% กดดันโดยแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงได้นานของทั้งธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งส่งผลให้บรรดาหุ้นเทคฯ ฝั่งยุโรปต่างย่อตัวลงบ้าง อาทิ ASML -2.6% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน BP +1.6% ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังผู้เล่นในตลาดกังวลต่อสถานการณ์อุปทานน้ำมัน ที่อาจได้รับผลกระทบจากการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าโดยกลุ่ม Houthi ในเยเมน

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะต่างออกมาให้ความเห็นในเชิงลดความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า ทว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นไปได้ว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ และในระยะถัดไป ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดยังคงทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 3.92% อนึ่ง เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาพอสมควร ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว มากกว่าที่จะไล่ราคาซื้อ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ยังคงไม่ได้สะท้อนว่า เฟดจะมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้เร็วและลึกตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แกว่งตัว sideway เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการผันผวนอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการปรับสถานะของบรรดาผู้เล่นในตลาดก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุม BOJ โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด (กรอบ 102.3-102.6 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า รวมถึงจังหวะอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ยังพอช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) สามารถทรงตัวใกล้ระดับ 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ แม้ว่าราคาทองคำจะพยายามปรับตัวขึ้นต่อ ทว่าแรงขายทำกำไรในช่วงโซนแนวต้านยังคงหนาแน่น ทำให้ราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ อย่างไรก็ดี โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทบ้าง

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยผู้เล่นจะรอลุ้นว่า BOJ จะมีการส่งสัญญาณพร้อมทยอยปรับใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นหรือไม่ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็คาดหวังว่า BOJ อาจมีการประกาศยกเลิกการทำ Yield Curve Control ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อเปิดทางไปสู่การทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมรอติดตามการปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 โดยเฟดสาขา Atlanta (GDPNow)

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้