หน้าแรก สังคม 7 ชีวิตสิ้นหวังเงินเยียวยาจากรัฐ โดนปัดตกเป็นเกษตรกร สามีติดอยู่บนเกาะพีพี

7 ชีวิตสิ้นหวังเงินเยียวยาจากรัฐ โดนปัดตกเป็นเกษตรกร สามีติดอยู่บนเกาะพีพี

468
แชร์ข่าวนี้

(2 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานว่า มีครอบครัวที่ยากจนได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ครอบครัวอาศัยอยู่ 7 ชีวิต ในพื้นที่  ม.2 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง เนื่องจากหัวหน้าครอบครัว ซึ่งทำงานอยู่ที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไม่มีรายได้เพราะตกงาน  ไม่สามารถส่งเงินมาดูแลครอบครัวได้ เดือนละ 10,000 บาท ซึ่งครอบครัวดังกล่าว เป็นครอบครัวของนางฉวีวรรณ ไขสระ อายุ 43 ปี อาศัยอยู่บ้านเช่าเลขที่ 5/2 ม.2 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง

มีสมาชิกอยู่ร่วมกัน จำนวน 7 คน คือ นางฉวีวรรณ ไขสระ นางดำ ไขสระ (แม่ชรา) อายุ 79 ปี ลูกสาวฝาแฝดสองคน อายุ 4 ขวบ , อายุ 8  ขวบ ,อายุ 15 ปี และลูกสาวคนโต อายุ 21 ปี ซึ่งพิการทางสติปัญญาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งเดิมบ้านเช่าหลังนี้ เป็นบ้านของตัวเอง อาศัยอยู่ใกล้ๆ กันกับบ้านพี่ๆ น้องๆ แต่นำไปขายฝาก แต่เพราะความไม่เข้าใจทำให้บ้านตกไปเป็นของเจ้าหนี้เงินกู้ จนตอนนี้ต้องมาเช่าบ้านของตัวเองอยู่เดือนละ 2,000 บาท ส่วนลูกๆ 4 คน ก็อยู่ในวัยเรียน แต่ขณะนี้โรงเรียนปิด

นางฉวีวรรณ กล่าวว่า สามีของตนไปรับทำงานโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชนที่เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นเวลาประมาณ 7 ปี โดยทุกเดือนก่อนหน้านี้สามีจะส่งเงินมาให้เดือนละ 2 งวดๆละ 5,000 บาท รวมเดือนละ 10,000 บาท นอกจากนั้นได้เงินผู้พิการของลูกเดือนละ 800 บาท และเงินเด็กแรกคลอดของลูกสาวฝาแฝด 2 คน รวม 1,200 บาท รวม 12,000 บาท พอดำเนินชีวิตไปได  แต่สามีตกงาน ไม่มีเงินส่งมาทำให้ได้รับความเดือดร้อนหนัก  ขณะที่ตนอยู่บ้าน ก็หันมารับจ้างซักผ้า และรับจ้างทั่วไป รวมทั้งรับจ้างเก็บน้ำยางพารา ทำให้มีรายได้วันละประมาณ 100-200 บาท พอมีเงินได้ใช้จ่ายในครอบครัว

แต่เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด19 โรงแรม ห้องพัก บนเกาะพีพี ต้องหยุดดำเนินกิจการ ทำให้สามีซึ่งทำงานในโรงไฟฟ้าเอกชนตกงานไม่มีเงินส่งมาให้ครอบครัวเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนแล้ว ส่วนงานรับจ้างที่ตนทำอยู่มีรายได้ลดลง หันมารับจ้างซักผ้า แต่ก็ไม่มีงาน ทำให้ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันถึง 7 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

ส่วนสามีขณะนี้ยังติดอยู่ที่เกาะพีพี ยังเดินทางกลับมาไม่ได้ และไม่มีเงิน ส่วนตัวเคยขอความช่วยเหลือจากสมาชิก อบต.บางเป้า ในพื้นที่ แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทั้งถุงยังชีพทาง อบต.ก็ไม่มี เพราะไม่มีงบประมาณส่วนนี้ ทุกวันนี้ตนได้รับความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก

ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบปัญหา ในสถานการณ์โควิด-19 จำนวน 5,000 บาท จากทางรัฐบาล ในการลงทะเบียนครั้งแรกตนเองไม่ได้รับการพิจารณา โดยได้รับข้อความว่า ตนเองเป็นเกษตรกร ทั้งๆ ที่ตนเองระบุว่ามีอาชีพรับจ้างซักผ้า ไม่เคยมีสวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมันแม้แต่ต้นเดียว ทำให้ไม่ได้รับเงินดังกล่าว ตอนนี้ตนได้ยื่นทบทวนสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูล โดยอยากให้ได้รับการอนุมัติโดยเร็ว และอยากให้ครอบครัวเข้าถึงสิทธิ์ดังกล่าวนี้ด้วย ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่เสียภาษีเหมือนกัน และวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น เช่น ถุงยังชีพ ให้กับครอบครัว

โดยนางฉวีวรรณ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยขอความช่วยเหลือใดๆ จากใครเลย เพราะสามีส่งเงินมาให้ทุกเดือน  แต่ขณะนี้เดือดร้อนมาก เพราะสามีติดอยู่เกาะพีพี ไม่มีรายได้ส่งมาให้ตนกับลูก และไม่ทราบสถานการณ์ของโรคจะหมดไปเมื่อใด ทำให้หาทางออกไม่เจอ ทำได้แค่พยายามหางานรับจ้างทำ แต่ขณะนี้งานต่างๆ ก็ไม่มี

เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องอีกหลายคน และหลายครอบครัว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าไม่ถึงสิทธิ์ความช่วยเหลือดังกล่าวเช่นเดียวกัน ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับสิทธิ์ ต่างร้องขอให้สามารถเข้าถึงสิทธิ์ความช่วยเหลือจากรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐบ้าง โดยในครอบครัวไม่มีใครรับเลย  ทั้งๆที่มีอาชีพค้าขายและได้รับความเดือดร้อนเหมือนกัน นอกจากนั้นหมู่บ้านอื่นๆ มีถุงยังชีพมาช่วยเหลือ แต่หมู่บ้านนี้ ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใจบุญอยากจะช่วยเหลือ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ ชื่อบัญชีนางฉวีวรรณ ไขสระ ธนาคารออมสิน สาขากันตัง  หมายเลขบัญชี  020-265-174 -175 

ขอขอบคุณ
แหล่งที่มา : sanook


แชร์ข่าวนี้