นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยังไม่คลี่คลาย ความผันผวนของค่าเงิน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำ การขัดแย้งด้านการเมืองในหลายประเทศ
เช่น การประท้วงในประเทศฮ่องกง เป็นต้น ภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วมและภัยแล้ง รวมถึงโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ดังนั้น ในปีนี้ธนาคารจึงคาดการณ์ว่าการส่งออกไทยจะเติบโตอยู่ที่ติดลบ 2-0% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตถึง 2% และคาดว่าหากคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจจะเติบโตแค่ 0% เท่านั้น
“เศรษฐกิจไทยเป็นระบบเปิด ต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง ทำให้มีอำนาจต่อรองไม่สูง อย่างไรก็ตามในปี 63 ถือเป็นปีแห่งการปรับสมดุลของโลก เพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้นธนาคารจึงวางแผนงานในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ท่ามกลางสภาวะที่มีปัจจัยเสี่ยง โดยจะใช้เครื่องมือทางการเงิน ทั้งการปล่อยสินเชื่อและประกันความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุน การคุ้มครองความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน”
ขณะที่ในระยะยาวจะสนับสนุนการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไทย สนับสนุนการลงทุนในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) รวมทั้งเปิดตลาดใหม่ในกลุ่ม New Frontier อาทิ รัสเซีย และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ตะวันออกกลาง เป็นต้น ส่วนผลการดำเนินงานปี 62 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้าง 121,868 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดดำเนินการมา ส่วนในปี 63 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตในอัตรา 7-8% นอกจากนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมเปิดสำนักงานในประเทศเวียดนามในปีนี้
